Please use this identifier to cite or link to this item: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1355
Title: การพัฒนาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์กับการรองรับสังคมพลวัต ของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์
Other Titles: Development of the Sunday Buddhist Study Center to Support the Dynamic Society of Nakhon Sawan Sangha Province
Authors: พระครูนิวิฐศีลขันธ์
พรหมกัลป์, อัครเดช
พระราชรัตนเวที
พระครูศรีสุธรรมนิวิฐ
Keywords: ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบ
Course on Could
แพลทฟอร์ม
ชุดการเรียนรู้
การยกระดับการบริหารจัดการ
สังคมพลวัต
กลไกและกระบวนการ
3 ช่วงวัย
ผู้ใช้ประโยชน์
Issue Date: 2566
Publisher: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาศูนย์ศึกษา พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์จังหวัดนครสวรรค์ 2) พัฒนาแพลทฟอร์มการจัดการศึกษาแบบ Course on Could ของศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ 3) พัฒนาชุด การเรียนรู้ของศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบเพื่อรองรับกับสังคมชีวิตวิถีใหม่ของคณะ สงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ 4) ยกระดับการบริหารจัดการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบ ของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ และ 5) พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ กับการพัฒนาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบ การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยประยุกต์ แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1) การสัมภาษณ์กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียของ ศพอ. จำนวน 9 รูป/คน และ การสัมมนาทางวิชาการ จำนวน 40 รูป/คน เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาศูนย์ศึกษา พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์จังหวัดนครสวรรค์ 2) การวิจัยและพัฒนา R1 การสัมภาษณ์กลุ่ม กับผู้ใช้ ประโยชน์ จำนวน 12 รูป/คน D1 มีการพัฒนาแพลทฟอร์ม R2 การทดสอบต้นแบบและการ ประเมินผลแพลทฟอร์ม กับกลุ่มทดลองที่สมัครใจเข้าร่วม จำนวน 16 รูป/คน และประเมินผลโดยใช้ แบบสำรวจความพึงพอใจ ระยะที่ 2 การประเมินผลประสิทธิภาพ เลือกแบบเจาะจง จำนวน 10 รูป/ คน และ D2 มีการปรับปรุง แก้ไข การพัฒนาแพลทฟอร์ม เพื่อพัฒนาแพลทฟอร์มการจัดการศึกษา 3) การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 9 รูป/คน, การจัดเวทีเสวนาชุมชน, การพัฒนา ชุดการเรียนรู้แบบออนไลน์ ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ ประชาชนในตำบลหนองนมวัว อำเภอ ลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก แบบสนทนากลุ่ม แบบบันทึกภาคสนาม แบบประเมินชุดการการเรียนรู้กลุ่มวิชาเลือก เพื่อพัฒนาชุดการเรียนรู้ของศูนย์ ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบ 4) การสัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 15 รูป/คน การวิเคราะห์ SWOT และการประชุมเชิงปฏิบัติการ จำนวน 25 รูป/คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบ ประเมินผลความรู้ ความเข้าใจก่อนการอบรม-หลัง แบบประเมินทักษะ และแบบประเมินความพึง พอใจ เพื่อการยกระดับการบริหารจัดการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบของคณะสงฆ์ จังหวัดนครสวรรค์ และ 5) การประเมินผลภาพรวมโครงการแบบ CIPP Model การประชุมกลุ่ม จำนวน 16 รูป/คน การวิเคราะห์ SWOT และ TOWS Matrix เพื่อการพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย ข ของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์กับการพัฒนาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบ ผลการวิจัย พบว่า 1. ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์จังหวัด นครสวรรค์ วิเคราะห์ในลักษณะของความสัมพันธ์เชิงเหตุผล พบว่า 1) การวิเคราะห์เส้นทางปัจจัย แทรกแซงกำหนดพฤติกรรม พบว่า 1.1) เป้าหมาย คือ การเพิ่มจำนวนของศูนย์ศึกษา พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์จังหวัดนครสวรรค์ ร้อยละ 20 ในงบประมาณ 2567 1.2) พฤติกรรม ประกอบด้วย บุคลากรทางการศึกษา สามารถเรียนรู้ ยอมรับ ปรับตัวในการเปลี่ยนแปลง, นักเรียน และผู้ปกครอง มีความพร้อมในการเรียนรู้ และผู้บริหาร สามารถสร้างบรรยากาศในการส่งเสริมการ เรียนรู้ที่ดีขค้น และสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ 1.3) ปัจจัยสนับสนุน ประกอบด้วย องค์ความรู้, งบประมาณ และโอกาส และ 1.4) กิจกรรม ประกอบด้วย ศึกษา, อบรม และพัฒนา และ 2) การ วิเคราะห์ศักยภาพ และความพร้อมในการขับเคลื่อนฯ ประกอบด้วย 2.1) ความสามารถเฉพาะ ประกอบด้วย บุคลากรทางการศึกษา ใช้เครื่องมือที่กำหนดได้อย่างเข้าใจ และปรับประยุกต์ใช้ได้, นักเรียน และผู้ปกครอง สามารถสื่อสาร และเห็นความสำคัญของการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และ ผู้บริหาร มีทักษะ วิสัยทัศน์ จัดการดี และมีมนุษย์สัมพันธ์ 2.2) แรงจูงใจ ประกอบด้วย การส่ง รายงานเป็นไปตามเกณฑ์ของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ และเกิดการเรียนรู้ร่วมกันของ คนทุกช่วงวัยในชุมชน และ 2.3) ความสามารถทั่วไป ประกอบด้วย การปรับตัว เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ, การเป็นองค์กร / ชุมชนแห่งการเรียนรู้ และการใช้ IT + On Cloud 2. การพัฒนาแพลทฟอร์มการจัดการศึกษาแบบ Course on Could ของศูนย์ศึกษา พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ ประกอบด้วย 2.1 เข้าใจปัญหา ศึกษา ความเป็นไปได้ 2.2 การวิเคราะห์ โดยการประชุมทีมพี่เลี้ยง และคณะผู้วิจัย 2.3 การออกแบบ/ พัฒนาแพลทฟอร์ม โดย 1) การออกแบบภาพรวม และองค์ประกอบ 2) การออกแบบระบบศูนย์ ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ 3) การออกแบบการใช้งานของอาจารย์ผู้สอน และ 4) การ ออกแบบการใช้งานของผู้เรียน และ 2.4 การประเมินผลและพัฒนาแพลทฟอร์ม โดย 1) การทดสอบ ต้นแบบแพลทฟอร์ม และการประเมินผลโดยใช้แบบสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้แพลทฟอร์ม พบว่า ผลการความพึงพอใจของผู้ใช้แพลทฟอร์ม ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.84, S.D. = 0.81) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ด้านความรู้และประโยชน์ที่ได้รับ มีระดับความคิดเห็นสูงที่ สุด (x̅ = 3.88) รองลงมา คือ ด้านการเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหา (x̅= 3.86) และน้อยที่สุด คือ การสมัครและ การใช้งาน (  = 3.78) และ 2) การประเมินผลแพลทฟอร์ม โดยผลของการประเมินประสิทธิภาพ แพลทฟอร์มการจัดการศึกษาแบบ Course on Could ของศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ใน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.61, S.D. = 0.74) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับ มากทุกด้าน และ 2.3) การปรับปรุง / พัฒนา โดย 1) การจัดการทำเอกสารคู่มือการใช้งาน คือ คู่มือ การใช้งานสำหรับผู้เรียน และคู่มือการใช้งานสำหรับผู้สอน และ 2) การเผยแพร่แพลตฟอร์ม โดย URL ที่จดทะเบียนไว้ คือ https://buddhist sunday.com/ 3. การพัฒนาชุดการเรียนรู้ของศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบเพื่อ รองรับกับสังคมชีวิตวิถีใหม่ของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ พบว่า ประกอบด้วยวิธีการและ ค กระบวนการ ดังนี้ 1) การวิเคราะห์และกำหนดเป้าหมายร่วม ประกอบด้วย กิจกรรมการผู้ให้ข้อมูล สำคัญด้านการกำกับนโยบายและโครงการของภาครัฐ ตัวแทนคณะสงฆ์และผู้ที่มีส่วนได้เสียในการ ขับเคลื่อนกิจกรรมศูนย์ ผลได้ที่รับ คือ Logic Model เป้าหมายร่วม (กิจกรรมการศึกษา อบรม, ปัจจัยสนับสนุน, พฤติกรรม และเป้าหมาย) และ Readiness Building System การวิเคราะห์ความ พร้อม (ความสามารถทั่วไป แรงจูงใจ และความสามารถเฉพาะ) 2) การ (ร่าง) ชุดการเรียนรู้ท้องถิ่น ประกอบด้วย กิจกรรมการจัดเวทีสานเสวนา เพื่อรับฟังความความคิดเห็นและออกแบบกลไกและ กระบวนการ (ร่าง) ชุดการเรียนรู้ท้องถิ่น และการกำหนดกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น และร่วมกัน ร่างชุดการเรียนรู้ท้องถิ่น ผลทีได้รับ คือ ชุดการเรียนรู้ท้องถิ่นบนพื้นฐานของ Soft Power ชุมชน 3) การพัฒนาชุดการเรียนรู้แบบออนไลน์ ประกอบด้วย การพัฒนาชุดการเรียนรู้แบบออนไลน์ วิชาบังคับ (ธรรมศึกษาชั้นตรี ระดับประถมศึกษา) (สาระการเรียนรู้กลุ่มการงานและอาชีพโดยกำหนดเป็นชุด การเรียนรู้ตามปราชญ์) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และแผนที่ผู้รู้ และผลการประเมินชุดการเรียนรู้แบบ ออนไลน์ พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผล ทุกด้าน ของการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ย 3.75 4. การยกระดับการบริหารจัดการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบของ คณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ พบว่า ประกอบด้วย ๔ ด้าน ๑) การบริหารงานวิชาการ นำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาจัดทำเว็บไซด์ในงานหลักสูตรวิชาบังคับ วิชาเลือก กิจกรรมการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน การวัดและประเมินผล การหาแหล่งเรียนรู้โดยปรับใช้ให้เหมาะสมกับงานวิชาการ ผู้บริหาร ครู เข้าถึง ระบบการบริหารจัดการวิชาการได้ง่ายรวดเร็วหลักสูตรออนไลน์ ผ่านทางเว็บไซด์ได้ง่ายสะดวก รวดเร็ว สามารถตรวจสอบผลการวัดและประเมินผลการให้คะแนนรายวิชาผ่านระบบออนไลน์ ๒) การบริหารงานบุคคล นำเทคโนโลยีดิจิทัลในการวางแผนบุคลากร การสรรหาบุคลากรผ่านระบบเว็บ ไซด์ เข้าถึงโครงสร้างของการบริหารงานบุคคล การจัดทำทะเบียนประวัติ ผู้บริหาร ครู เจ้าหน้าที่ การ รวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบที่สามารถเชื่อมกับระบบอื่น ๆ และสามารถเปิดหาในระบบได้อย่างรวดเร็ว ๓) การบริหารงานทั่วไป นำเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดทำเว็บไซด์ในส่วนของการบริหารงานทั่วไป สามารถจัดเก็บเอกสารไว้ในระบบและดาวโหลดเอกสารได้สะดวก และรวดเร็วสามารถเข้าดูข้อมูล อาคารในระบบเพื่อสะดวกในการใช้งานในห้องเรียนต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์ให้คนในชุมชนรู้จัก การ ติดต่อประสานงานได้รวดเร็วและเป็นระบบมากขึ้น การทำเอกสารรายงานผลในกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนต่อสำนักงานวัฒนธรรมได้รวดเร็ว ประหยัด ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง และ ๔) การบริหารงาน งบประมาณ เข้าถึงการใช้งบประมาณผ่านระบบเว็บไซด์เพื่อสะดวกในการทำงาน ได้ง่าย รวดเร็วขึ้น ผู้ มีจิตศรัทธาเข้าถึงระบบการรับบริจาคโดยผ่านเว็บไซด์ 5. การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์กับการพัฒนาศูนย์ ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้นแบบ พบว่า วัตถุประสงค์ของข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อยกระดับ การขับเคลื่อนศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์กับการรองรับสังคมพลวัตของคณะสงฆ์จังหวัด นครสวรรค์ กลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ คือ ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จำนวน 21 แห่ง (สถิติ ปี พ.ศ.2566) กลยุทธ์การนำไปปฏิบัติ 1) กลยุทธ์เชิงรุก ประกอบด้วย 1.1) การส่งเสริม สนับสนุน กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่ ให้เกิดสัมฤทธิผล (ตัวชี้วัด: จำนวนภาคี ง เครือข่ายที่สนับสนุน) และ 1.2) การเพิ่มขีดความสามารถของศาสนบุคคล เสริมความรู้ สร้างความ เข้าใจ และพัฒนาทักษะเฉพาะด้านที่เหมาะสม (ตัวชี้วัด: จำนวนศาสนบุคคลที่ได้รับการพัฒนา) 2) กลยุทธ์เชิงแก้ไข ประกอบด้วย 2.1) การพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้โดยการบูรณาการองค์ความรู้ทาง พระพุทธศาสนากับทุนชุมชนเพื่อสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้เชิงพุทธที่สอดคล้องกับบริบทเชิงพื้นที่ (ตัวชี้วัด: หลักสูตรที่ได้รับการพัฒนา) และ 2.2) การพัฒนาระบบธรรมาภิบาล มุ่งเน้นการบริหาร จัดการที่ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกมิติ (ตัวชี้วัด: จำนวนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการพัฒนา) 3) กลยุทธ์เชิงป้องกัน ประกอบด้วย การจัดตั้งทีมพี่เลี้ยง (Technical Assistance Providers) ในการ ช่วยเหลือ สนับสนุนการดำเนินงานในมิติต่าง ๆ (ตัวชี้วัด: ทีมพี่เลี้ยงที่ได้รับการจัดตั้ง) 4) กลยุทธ์เชิง รับ ประกอบด้วย แนวทางการพัฒนาและตัวชี้วัด ประกอบด้วย การยกระดับขีดความสามารถในการ บริหารจัดการด้วยระบบสารสนเทศที่ทันสมัย และเหมาะสม (ตัวชี้วัด: จำนวนครั้งในการอบรมเชิง ปฏิบัติการ / จำนวน ศพอ.ที่เข้าร่วมกิจกรรม) การประเมินผลเชิงนโยบาย แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลลัพธ์ และด้านผลกระทบ
URI: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1355
Appears in Collections:รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
ว.018.2566.pdf11.73 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.